สูตรเดินเงินเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้นักเดิมพันบริหารความเสี่ยงให้กับเงินทุนของตัวเอง ซึ่งสูตรที่ว่านี้ก็มีให้เลือกใช้มากมาย แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดก็เห็นจะเป็น Martingale ที่นอกจากจะมีความสามารถในการถอนทุนที่เสียไปพร้อมกับเรียกคือกำไรที่ควรได้รับกลับมาให้แล้ว ยังสามารถใช้แค่กำไรมาต่อทุนได้อีกด้วย บทความนี้เราจะพาไปดูกันว่า 3 สูตร Martingale นั้นมีอะไรบ้าง เหมาะกับสถานการณ์ไหน จะได้เลือกใช้ทำกำไรกันได้อย่างเหมาะสม
อีกหนึ่งโบนัสที่กำลังเป็นที่นิยม โดยเฉพาะสายฟรีห้ามพลาดเด็ดขาด ซึ่งวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ วิธีรับเครดิตฟรีไม่ต้องฝาก ไม่ต้องแชร์ แค่สมัครยืนยันตัวตนด้วยเบอร์โทร ต้องทำอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย
ทำไมต้องสูตรมาร์ติงเกล
อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าความพิเศษของสูตรนี้คือสามารถใช้แก้สถานการณ์ได้ในจังหวะที่เราเล่นเสียได้ ขณะเดียวกันเราก็สามารถใช้เพียงแค่กำไรเอามาต่อทุนได้เช่นกัน โดยหลักการของสูตรมาร์ติงเกลก็คือการแทงทบที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นสูตรเดินเงินที่มือใหม่ก็ใช้ได้ ไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมากมาย ทว่าการแทงทบของสูตรนี้จะมีอยู่ 3 สูตรย่อยด้วยกันก็คือ Martingale, Super Martingale และ Winning Martingale ซึ่งผู้เล่นจะต้องเลือกใช้ให้ถูกสถานการณ์ ไม่เช่นนั้นแทนที่จะได้กำไร อาจไม่เหลือเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียวได้เช่นกัน
ถ้าจะพูดถึงเรื่อง ลิงค์รับทรัพย์ บางคนอาจจะไม่ค่อยคุ้น แตขอบอกเลยว่าทุกเว็บมีลิงค์รับทรพัย์อยู่ และยังสามารถรับรายได้โดยไม่ต้องใช้เงินทุนเลย พูดง่ายๆให้เข้าใจแล้วกันว่า ลิงค์รับทรัพย์คือโบนัสอีกรูปแบบหนึ่งนั่นเอง แต่จะเป็นแบบไหนบ้างนั้น เรามีเฉลย
Martingale เสียแค่ไหนก็ได้คืน
สูตรแรกที่เราจะพูดถึงกันก็คือมาร์ติงเกลหรือแทงทบซึ่งเป็นพื้นฐานของอีกสองสูตรที่เหลือ หลักการของมันก็คือต้องวางเดิมพันเป็นสองเท่าของรอบที่เสียและเมื่อชนะจะต้องหยุดทันที สูตรนี้มีข้อดีตรงที่ช่วยให้เราดึงเงินที่เสียไปกลับคืนมาพร้อมกับกำไรอีก 1 หน่วย แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ต้องมีเงินทุนเยอะพอสมควร แล้วถ้าแทงทบมากเกินไปก็อาจชนเพดานเดิมพันของโต๊ะและเสี่ยงที่จะเสียเงินก้อนโตด้วย ดังนั้นจึงนิยมเล่นกันแค่ 5 ไม้ เพื่อลดความเสี่ยงที่ว่ามา
ยกตัวอย่างเช่น
- ไม้ที่ 1 แทง 10 บาท เสีย
- ไม้ที่ 2 แทง 20 บาท ยังเสียอยู่ แต่ถ้าชนะจะได้กำไร 20 บาท หักทุนที่เสียไม้แรก 10 บาท เหลือกำไร 10 บาท
- ไม้ที่ 3 แทง 40 บาท ก็ยังเสียอีก แต่ถ้าชนะจะได้กำไร 40 บาท หักทุนที่เสียในไม้ที่ 1-2 30 บาท เหลือกำไร 10 บาท
- ไม้ที่ 4 แทง 80 บาท ยังไม่ชนะ แต่ถ้าชนะจะได้กำไร 80 บาท หักทุนที่เสียในไม้ที่ 1-3 70 บาท เหลือกำไร 10 บาท
- ไม้ที่ 5 แทง 160 บาท ชนะ ได้กำไร 160 บาท หักทุนที่เสียในไม้ที่ 1-4 150 บาท เหลือกำไร 10 บาท
วิเคราะห์สูตร
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะชนะในในตาไหนเราก็จะได้รับกำไรเพียงแค่ 10 บาทเท่านั้น สิ่งที่ต้องคิดก่อนใช้สูตร Martingale ก็คือในช่วงเวลาดังกล่าวมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่เค้าไพ่เข้าทางเรา เพราะหัวใจสำคัญของสูตรนี้ก็คือเราจะเอาเงินทุนคืนมา เพียงแต่กำไรที่ได้มาคือผลพลอยได้เท่านั้น หากจะใช้สูตรนี้เพื่อหวังกำไรบอกได้เลยว่าได้ไม่คุ้มเสี่ยงอยู่แล้ว นอกจากนี้สูตรมาร์ติงเกลยังเหมาะกับการแทงตาแรกน้อย ๆ หรือแทงขั้นต่ำ เพราะมีโอกาสที่จะไม่ชนเพดานมากกว่าการเปิดเกมด้วยยอดสูง
Super Martingale ย้อนเวลาไปหากำไร
สูตรนี้ได้รับการพัฒนามาจากสูตรมาร์ติงเกล โดยมีแนวคิดที่ว่าไหน ๆ ก็เสี่ยงแล้วก็ขอทำกำไรให้คุ้มเสี่ยงหน่อยแล้วกัน วิธีการใช้งานก็ยังคงเป็นการแทงทบเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเงินทุนอีก 1 หน่วยที่เราจะยัดมันเข้าไป ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าพอใจตรงที่เวลาเราชนะจะได้กำไรของทุกไม้ที่เสียไป แต่นั่นก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่คือเราต้องมีเงินทุนที่หนามาก แล้วต้องระวังเรื่องชนเพดานและเสี่ยงเสียเงินก้อนใหญ่มากกว่าเดิม
ยกตัวอย่างเช่น
- ไม้ที่ 1 แทง 10 บาท เสีย
- ไม้ที่ 2 แทง 30 บาท ยังเสียอยู่ แต่ถ้าชนะจะได้กำไร 30 บาท หักทุนที่เสียไม้แรก 10 บาท เหลือกำไร 20 บาท
- ไม้ที่ 3 แทง 70 บาท ก็ยังเสียอีก แต่ถ้าชนะจะได้กำไร 70 บาท หักทุนที่เสียในไม้ที่ 1-2 40 บาท เหลือกำไร 30 บาท
- ไม้ที่ 4 แทง 150 บาท ยังไม่ชนะ แต่ถ้าชนะจะได้กำไร 150 บาท หักทุนที่เสียในไม้ที่ 1-3 110 บาท เหลือกำไร 40 บาท
- ไม้ที่ 5 แทง 310 บาท ชนะ ได้กำไร 310 บาท หักทุนที่เสียในไม้ที่ 1-4 260 บาท เหลือกำไร 50 บาท
วิเคราะห์สูตร
จากตัวอย่างจะเห็นว่าเงินทุนที่เราต้องใช้ในสูตรนี้ต้องเยอะมาก ๆ แค่เล่นขั้นต่ำตาละ 10 บาท ยังต้องมีเงินเผื่อไว้ไม่น้อยกว่า 570 บาท และเพื่อไม่ให้เกิดแรงกดดันจนตัดสินใจผิดพลาดเราอาจต้องเตรียมเงินไว้มากถึง 1,000 บาท หรือ 10 เท่าของขั้นต่ำ ถึงจะเป็นระยะปลอดภัย อย่างไรก็ตามสูตรนี้เรายังคงใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการถอนทุนจริง ๆ และต้องมั่นใจว่าเมื่อแทงทบไปถึงไม้ที่ 5 แล้วจะไม่ชนเพดานของโต๊ะจนไปต่อไม่ได้ ไม่อย่างนี้ถึงจะได้เงินคืนก็ไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปแน่นอน
Winning Martingale เอากำไรมาต่อทุน
สูตรนี้น่าจะถูกใจใครหลายคนโดยเฉพาะสายที่ชอบความเสี่ยงต่ำ ทำกำไรสูง เพราะเป็นสูตรที่เสี่ยงน้อยที่สุด เป็นมิตรกับเงินในกระเป๋ามากที่สุดในบรรดาตระกูลมาร์ติงเกล แนวคิดของสูตรนี้ก็คือใช้ทุนเพียงหน่วยเดียวกับกำไรที่ได้มาวิ่งทำเงินต่อไป วิธีการใช้ก็ยังคงความเป็นสูตรแทงทบเช่นเคย ต่างกันตรงที่หากชนะก็จะเล่นสูตรต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบ 5 ไม้ หรือแพ้
ยกตัวอย่างเช่น
- ไม้ที่ 1 แทง 10 บาท ชนะได้กำไรมา 10 บาท
- ไม้ที่ 2 แทง 20 บาท (ใช้ทุน 10 บาท กับกำไรจากรอบที่ 1) ชนะได้กำไรมา 20 บาท กำไรสะสม 30 บาท
- ไม้ที่ 3 แทง 40 บาท (ใช้ทุน 10 บาท กับกำไรสะสม) ชนะได้กำไรมา 40 บาท กำไรสะสม 70 บาท
- ไม้ที่ 4 แทง 80 บาท (ใช้ทุน 10 บาท กับกำไรสะสม 70 บาท) ชนะได้กำไรมา 80 บาท กำไรสะสม 150 บาท
- ไม้ที่ 5 แทง 160 บาท ชนะ ได้กำไร 160 บาท กำไรสะสม 310 บาท
วิเคราะห์สูตร
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าสูตรนี้เสียอย่างมากก็แค่ทุน 1 หน่วย กับกำไรที่ได้มาทั้งหมดก็เท่านั้น ซึ่งมีข้อดีตรงที่เราจะทบแค่ไหนก็ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องเพดานเดิมพัน หากตันก็แค่ไปเริ่มรอบใหม่กำไรก็ยังคงอยู่ หรือถ้าสู้และโชคดีจนไม้สุดท้ายก็ได้กำไรมากถึง 31 เท่า หรือ 3,100% ถือว่าเยอะมาก ๆ แต่ก็นั่นแหละอยากได้มากน้อยแค่ไหนก็ต้องตั้งเป้าบริหารความโลภกันเอาเอง
สูตร Martingale สูตรไหนดี
ถ้าจะให้ตัดสินใจว่าใช้สูตรไหนดี ก็ต้องย้อนกลับไปถามตัวเราเองก่อนว่าต้องการใช้สูตรเพื่อทำอะไร หากต้องการถอนทุนและมีเงินเยอะอยู่แล้วก็อาจจะเลือกใช้ Martingale หรือ Super Martingale แต่ถ้าไม่ชอบเสี่ยง อยากเล่นสนุก ๆ ไม่ซีเรียสกับการทำกำไร Winning Martingale ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ทั้งนี้ก็ต้องดูปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็นเงินในกระเป๋า ยอดเดิมพันสูงสุดที่จะต้องทบในไม้ที่ 5 เดิมพันสูงสุดที่โต๊ะกำหนดไว้ ที่สำคัญไม่ควรเล่นด้วยแรงกดดันสูง ๆ เพราะมีโอกาสที่เราจะตัดสินใจผิดพลาดได้ง่ายยิ่งขึ้น
บทสรุปสูตร Martingale
มาร์ติงเกล จัดว่าเป็นอีกหนึ่งสูตรบาคาร่าที่ได้รับการยอมรับในหมู่นักเดิมพันทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบที่ใช้งานง่าย การเอามาแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างไรก็ตามสูตรนี้จะส่งผลลัพธ์ได้ดียิ่งขึ้นเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นจังหวะแพ้ชนะ วงเงินเดิมพันที่เหลืออยู่ จนถึงสภาพจิตใจของผู้เล่น สิ่งเหล่านี้จะเชื่อมโยงถึงกันหมด แต่อย่าลืมว่าการเล่นอย่างมีเป้าหมายและทำตามแผนคือเครื่องมือที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงให้กับตัวเอง ดังนั้นถึงเป้าก็ให้หยุดแล้วค่อยมาทำกำไรใหม่ก็ยังไม่สายเกินไป